ศิลปะทวารวดี เป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าที่สะท้อนให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองของประเทศไทยในอดีต ซึ่งศิลปะทวารวดีมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ผสมผสานระหว่างอิทธิพลอินเดียและศิลปะพื้นเมือง สร้างสรรค์ขึ้นในช่วงพุทธศตวรรษที่ 11-16 ซึ่งในประเทศไทยยังคงมีร่องรอยของศิลปะทวารวดีให้เราได้ชื่นชมและศึกษาในหลายจังหวัด บทความนี้จะชวนทุกคนไปเที่ยว 4 จังหวัดตามรอยศิลปะทวารวดีกัน แต่ก่อนจะไปชมสถานที่ท่องเที่ยว มาทำความรู้จักกันว่า ทวารวดี คืออะไร?

ศิลปะทวารวดีคืออะไร

ศิลปะทวารวดี เป็นรูปแบบศิลปกรรมที่เกิดขึ้นในช่วงต้นประวัติศาสตร์ของไทย ราวพุทธศตวรรษที่ 11-16 มีศูนย์กลางอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ศิลปะทวารวดีส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนานิกายหินยาน แต่ก็พบหลักฐานของพุทธศาสนามหายานและศาสนาฮินดูด้วย ลักษณะเด่นของศิลปะทวารวดี ได้แก่ พระพุทธรูปปางแสดงธรรม ธรรมจักร และใบเสมาหิน ซึ่งได้รับอิทธิพลจากศิลปะอินเดียผสมผสานกับลักษณะเฉพาะของท้องถิ่น แล้วทวารวดีนั้นมีที่มาที่ไปอย่างไร ไปดูกันต่อ

เปิดประวัติทวารวดีมีที่มาที่ไปอย่างไร

เปิดประวัติทวารวดีมีที่มาที่ไปอย่างไร

ทวารวดีเป็นอาณาจักรโบราณที่รุ่งเรืองในช่วงพุทธศตวรรษที่ 11-16 มีศูนย์กลางอยู่ในบริเวณภาคกลางของประเทศไทย โดยเฉพาะในเขตจังหวัดนครปฐมและสุพรรณบุรี ชื่อ ทวารวดี ปรากฏในจารึกที่พบที่เมืองนครปฐมโบราณ และในบันทึกของพ่อค้าชาวจีนที่เดินทางมาค้าขายในภูมิภาคนี้ ทวารวดีเป็นศูนย์กลางการค้าสำคัญ เชื่อมโยงการค้าระหว่างจีนและอินเดีย ทำให้ได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากทั้งสองอาณาจักร โดยเฉพาะอิทธิพลทางพุทธศาสนาจากอินเดีย

ศิลปะทวารวดียุคต่าง ๆ

ศิลปะทวารวดีถือเป็นรากฐานสำคัญของศิลปะไทยในปัจจุบัน อิทธิพลของศิลปะทวารวดียังคงปรากฏให้เห็นในศิลปะไทยหลายแขนง ไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรม ประติมากรรม หรือจิตรกรรม มาเรียนรู้กันว่าศิลปะทวารวดีได้ส่งต่ออะไรให้กับศิลปะไทยบ้าง

ศิลปะทวารวดีตอนต้น

ศิลปะทวารวดีตอนต้น อยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 11 ถึงต้นพุทธศตวรรษที่ 13 เป็นยุคเริ่มต้นของการสร้างพระพุทธรูปในดินแดนไทย ได้รับอิทธิพลอย่างมากจากศิลปะอินเดียแบบอมราวดีและคุปตะ ลักษณะเด่นของพระพุทธรูปในยุคนี้ ได้แก่ พระพักตร์กลมแบน พระขนงโก่ง พระเนตรโปน พระนาสิกใหญ่ พระโอษฐ์หนา และมีริ้วพระภูษาเป็นเส้นนูนละเอียด ส่วนใหญ่เป็นพระพุทธรูปปางแสดงธรรมหรือปางประทานอภัย

ศิลปะทวารวดีตอนกลาง

ศิลปะทวารวดีตอนกลาง อยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 13 ถึงกลางพุทธศตวรรษที่ 15 เป็นยุคที่ศิลปะทวารวดีมีเอกลักษณ์ชัดเจนที่สุด เกิดการผสมผสานระหว่างอิทธิพลอินเดียแบบหลังคุปตะ แบบปาละ และลักษณะพื้นเมือง พระพุทธรูปในยุคนี้มีพระวรกายอวบอ้วน พระพักตร์กลม พระขนงโก่งเป็นปีกกา พระเนตรเหลือบต่ำ พระนาสิกโด่ง และพระโอษฐ์หนา ริ้วพระภูษามีลักษณะเป็นริ้วนูนหนาขึ้น พระพุทธรูปแบบนี้พบมากที่สุดในศิลปะทวารวดี

ศิลปะทวารวดีตอนปลาย

ศิลปะทวารวดีตอนปลาย อยู่ในช่วงกลางพุทธศตวรรษที่ 15 ถึงพุทธศตวรรษที่ 16 เป็นยุคสุดท้ายของศิลปะทวารวดี ในยุคนี้เริ่มได้รับอิทธิพลจากศิลปะขอม โดยเฉพาะแบบบาแค็งและบาปวน ลักษณะของพระพุทธรูปในยุคนี้มีการเปลี่ยนแปลงไปจากยุคก่อน โดยพระวรกายเริ่มผอมลง พระพักตร์เรียวยาวขึ้น พระเนตรเหลือบต่ำน้อยลง และริ้วพระภูษาเริ่มมีลักษณะแบนราบมากขึ้น นอกจากนี้ยังพบการสร้างพระพุทธรูปนาคปรกและพระโพธิสัตว์มากขึ้นด้วย

พาเที่ยวชมศิลปะทวารวดีใน 4 จังหวัด

พาเที่ยวชมศิลปะทวารวดีใน 4 จังหวัด

ประเทศไทยมีแหล่งท่องเที่ยวที่แสดงถึงความรุ่งเรืองของศิลปะทวารวดีกระจายอยู่ในหลายจังหวัด โดยเฉพาะในภาคกลางและภาคตะวันตก วันนี้เราจะพาคุณไปสัมผัสกับมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่านี้ใน 4 จังหวัด ได้แก่ สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี และนครปฐม แต่ละแห่งมีเอกลักษณ์และความน่าสนใจแตกต่างกันไป แต่ทั้งหมดล้วนสะท้อนให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองของอารยธรรมทวารวดีในอดีต

เมืองโบราณอู่ทอง สุพรรณบุรี

เมืองโบราณอู่ทอง ในจังหวัดสุพรรณบุรี เป็นแหล่งโบราณคดีสำคัญที่แสดงถึงความรุ่งเรืองของอารยธรรมทวารวดี ตั้งอยู่ในอำเภออู่ทอง ห่างจากตัวเมืองสุพรรณบุรีประมาณ 37 กิโลเมตร ที่นี่พบหลักฐานทางโบราณคดีมากมายที่แสดงถึงความเป็นเมืองท่าสำคัญในอดีต

ไฮไลต์ของเมืองโบราณอู่ทองคือพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอู่ทอง ซึ่งจัดแสดงโบราณวัตถุที่ขุดพบในบริเวณนี้ เช่น เครื่องประดับทองคำ ลูกปัดแก้ว และพระพุทธรูปสำริด นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงแผ่นดินเผาภาพพระภิกษุอุ้มบาตร ซึ่งได้รับอิทธิพลจากศิลปะอมราวดีของอินเดีย และถือเป็นโบราณวัตถุที่เก่าแก่ที่สุดที่พบในประเทศไทย นอกจากพิพิธภัณฑ์แล้ว นักท่องเที่ยวยังสามารถเดินชมซากโบราณสถานรอบ ๆ เมืองโบราณ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงผังเมืองและระบบชลประทานโบราณ รวมถึงเจดีย์จุลประโทนซึ่งเป็นเจดีย์ทรงกลมแบบทวารวดีที่ยังคงหลงเหลืออยู่

ปราสาทเมืองสิงห์ กาญจนบุรี

เมื่อได้มาเที่ยวเมืองกาญจน์ และอยากชมความงดงามของศิลปะทวารวดี ขอแนะนำให้มาที่ปราสาทเมืองสิงห์ ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี เป็นโบราณสถานที่แสดงถึงการผสมผสานระหว่างศิลปะทวารวดีและศิลปะขอม อายุราว 800 ปี สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แห่งอาณาจักรขอม

ไฮไลต์ของปราสาทเมืองสิงห์คือโบราณสถานหมายเลข 1 ซึ่งเป็นปราสาทหินที่มีความสมบูรณ์ที่สุด ประกอบด้วยปรางค์ประธาน ระเบียงคด และโคปุระ หรือซุ้มประตูทางเข้า ภายในปรางค์ประธานยังคงมีประติมากรรมรูปเคารพที่สำคัญ เช่น พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรและพระนางปรัชญาปารมิตา

อุโบสถทองคำ วัดพระศรีอาริย์ ราชบุรี

อุโบสถทองคำ วัดพระศรีอาริย์ ตั้งอยู่ในอำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี แม้จะเป็นสิ่งก่อสร้างใหม่ แต่ก็เป็นตัวอย่างที่ดีของการสืบสานศิลปะทวารวดีในยุคปัจจุบัน สำหรับอุโบสถทองคำนี้ใช้เวลาสร้างนานถึง 37 ปี ด้วยงบประมาณกว่าร้อยล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงความศรัทธาอันแรงกล้าของชาวราชบุรี ไฮไลต์ของที่นี่คือตัวอุโบสถที่ปิดทองคำเปลวทั้งหลัง ทำให้เปล่งประกายสวยงามตระการตา

ภายในอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ ซึ่งมีลักษณะศิลปะผสมผสานระหว่างทวารวดีและสุโขทัย นอกจากนี้ยังมีจิตรกรรมฝาผนังที่วาดขึ้นใหม่แต่ยังคงรักษารูปแบบศิลปะโบราณไว้ เล่าเรื่องราวพุทธประวัติและทศชาติชาดก

องค์พระปฐมเจดีย์ นครปฐม

องค์พระปฐมเจดีย์ นครปฐม

องค์พระปฐมเจดีย์ ตั้งอยู่ในวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม เป็นพระสถูปเจดีย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็นศูนย์กลางสำคัญของศิลปะทวารวดีในภาคกลาง

ไฮไลต์ของที่นี่คือตัวองค์พระปฐมเจดีย์ ซึ่งสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ราวพุทธศตวรรษที่ 3 เดิมมีลักษณะเป็นเจดีย์ทรงระฆังคว่ำแบบในอินเดีย ก่อนจะได้รับการบูรณะในสมัยรัชกาลที่ 4 ให้มีรูปทรงดังที่เห็นในปัจจุบัน

ภายในองค์พระเจดีย์ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของพุทธศาสนิกชนทั่วโลก นอกจากนี้ยังมีพระร่วงโรจนฤทธิ์ ศาลเจ้าพ่อปราสาททอง และพระศิลาขาว ซึ่งล้วนเป็นโบราณวัตถุที่สำคัญ

อีกหนึ่งไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาดคือพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระปฐมเจดีย์ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชั้นลดด้านทิศตะวันออกขององค์พระปฐมเจดีย์ ภายในจัดแสดงโบราณวัตถุสมัยทวารวดีที่ขุดพบในจังหวัดนครปฐม เช่น พระพุทธรูปประทับเหนือพนัสบดี ธรรมจักร หินบดยา ลูกประคำดินเผา และเหรียญเงินโบราณ ซึ่งช่วยให้เราเข้าใจถึงความเจริญรุ่งเรืองของอารยธรรมทวารวดีได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น

สรุป

สรุป

การเดินทางตามรอยศิลปะทวารวดีใน 4 จังหวัดนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์เท่านั้น แต่ยังช่วยให้เราเข้าใจรากเหง้าทางวัฒนธรรมของชาติไทยได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เป็นการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ผ่านการสัมผัสและชื่นชมความงามของศิลปะโบราณ ซึ่งนับเป็นประสบการณ์ที่มีคุณค่าอย่างยิ่งสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยว นักประวัติศาสตร์ หรือผู้ที่สนใจในศิลปวัฒนธรรมไทย ซึ่งแต่ละสถานที่มีเอกลักษณ์และความน่าสนใจแตกต่างกันไป 

สำหรับใครที่อยากเที่ยวตามรอยศิลปะทารวดีสามารถวะมาพักได้ที่ โฮมพุเตย ริเวอร์แคว รีสอร์ท (Home Phutoey River Kwai) เพื่อที่จะได้เที่ยวได้อย่างสะดวกสบาย แถมยังได้พักผ่อนในที่พักวิวแม่น้ำ ที่มาพร้อมกับบ่อน้ำพุร้อนส่วนตัว ที่ช่วยให้คุณผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการเที่ยวได้อย่างลงตัว